สุดสลด พระอาจารย์มหาหรรษา ธมฺมหาโส กล่าวคำรำลึกถึง กฤษณะ ถาวร หรือ โต้ง นิสิต ป.โท เหยื่อเบนซ์มรณะ วันเกิด-วันตาย วันเดียวกัน จบชีวิตก่อนบรรลุฝัน
นับเป็นข่าวสลดอย่างยิ่ง สำหรับกรณีเบนซ์ชนฟอร์ดบนถนนพหลโยธิน ส่งผลทำให้ นายกฤษณะ ถาวร และนางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย สองนิสิตปริญญาโท ถึงแก่ชีวิต เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุสังคมต่างก็ร่วมจับตามองการทำคดีดังกล่าวของทางตำรวจ ขณะที่อาจารย์ผู้ใกล้ชิดของนิสิตทั้งสอง ก็ได้ออกมาร่วมโพสต์ข้อความไว้อาลัยถึงทั้งคู่
รวมถึงเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา พระอาจารย์มหาหรรษา ธมฺมหาโส ผู้อำนวยหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Hansa Dhammahaso เพื่อหวนรำลึกถึงชีวิตของ นายกฤษณะ ถาวร หรือ โต้ง นิสิตปริญญาโท สาขาสันติศึกษา ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว โดยมีเนื้อหาดังนี้
ลมหายใจแห่งสันติภาพ : จากดอกเตอร์อัมเบดการ์สู่ศิษย์กฤษณะผู้อ่อนโยน
การที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสย้ำถึงสัจธรรมชีวิตว่า "ชีวิตประดุจน้ำค้างอยู่บนยอดหญ้า พอต้องแสงสุริยาก็ร่วงหล่น" ทำให้หวนมารำลึกนึกถึงชีวิตของ "นายกฤษณะ ถาวร" หรือโต้ง ลูกศิษย์ที่พวกเราชาว "ครอบครัวสันติศึกษา มหาจุฬาฯ" ได้เฝ้าทะนุถนอมและพัฒนาให้เป็นวิศวกรสันติภาพมากว่า 2 ปี และกำลังจะเข้ารับปริญญาโทในเดือนพฤษภาคมปีนี้ ซึ่งได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิตหน้ามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
ส่วนตัวแล้วในฐานะผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท สาขาสันติศึกษามีความสนิทสนมกับครอบครัวของลูกศิษย์ทั้งสองมาหลายปี ในส่วนของโต้งนั้น เป็นเลขานุการส่วนตัวของ อาจารย์คฑา ชินบัญชร โดยโต้งทำหน้าที่ประสานงานหลักประชาสัมพันธ์ในการจัดงานสวดมนต์ข้ามปีวิถีไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกับมหาจุฬาฯ ณ อุโบสถกลางน้ำ เป็นปีที่สองติดต่อกัน ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนมาสวดมนต์ร่วมหมื่นคน
ด้วยความเป็นเด็กหนุ่มที่มีสัมมาคารวะ นุ่มนวล และอ่อนน้อมถ่อมตนให้เกียรติกับทุกคนที่อยู่รอบข้าง จึงเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีศักยภาพอีกมากในการที่จะทำงานรับใช้เพื่อนมนุษย์ จึงได้ร้องขอจากอาจารย์คฑา ชินบัญชร ให้โต้งมาเรียนหลักสูตรปริญญาโท สาขาสันติศึกษา ซึ่งเจ้าของคำตอบกลับเป็นโต้งเองที่ค้นพบตัวตนสนใจในหลักสูตรนี้ โดยมีอาจารย์คฑา ชินบัญชร ให้การสนับสนุนและส่งเสริมมาโดยตลอด และตลอดระยะ 2 ปีนั้น โต้งมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาเรียนรู้จากครูบาอาจารย์และเพื่อนร่วมห้อง ความเป็นคนดีและมีความนุ่มนวล จึงทำให้ใครก็ตามที่อยู่ใกล้และทำงานร่วมกับเขามีความสุข และชื่นชมอยู่เสมอ
สิ่งที่ทำพบว่าเมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพได้เจริญเติบโตในใจเขานั้น คือ การไปศึกษาดูงานที่ประเทศอินเดียตามโครงการ "ท่องแดนพุทธภูมิตามรอยสันติธรรม" ซึ่งทำให้เขารู้จักผู้ชายคนหนึ่ง นั่นคือ "ดร.อัมเบดการ์" ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ที่ทำหน้าที่ปลดเปลื้องความไม่เท่าเทียมกันของสังคมอินเดียโดยการหันมาประกาศตนเป็นพุทธมามกะ พร้อมทั้งพาคนมากมายเดินตามรอยแห่งสันติภาพที่พระพุทธเจ้าประกาศเอาไว้ และนี่คือแรงจูงใจสำคัญที่ทำให้โต้งตัดสินใจทำวิทยานิพนธ์เรื่อง "ศึกษาวิเคราะห์แนวทางการสร้างสันติภาพของ ดร.อัมเบดการ์ ตามแนวพุทธสันติวิธี" จากงานเล่มนี้ ทำให้ประจักษ์ชัดแล้วว่า ผู้ชายที่เป็นต้นแบบสำคัญในการทำงานด้านสันติภาพของโต้งคือ "ดร.อัมเบดการ์" เพราะโต้งมุ่งมั่นจะทำให้คำว่าสันติภาพของพระพุทธเจ้ากลับมามีลมหายใจแก่เพื่อนมนุษย์ และการดำเนินชีวิตของโต้งจึงพยายามถอดแบบออกมาจาก ดร.อัมเบดการ์ ในหลายมิติ
การได้ค้นพบคำตอบดังกล่าวนั่นเอง จึงทำให้โต้งพยายามทำให้ ดร.อัมเบดการ์ มีลมหายใจอีกครั้งตามแบบฉบับของโต้ง จะเห็นว่า ลมหายใจของโต้งแทบจะเป็นลมหายใจเดียวกันกับ ดร.อัมเบดการ์ โต้งบอกกับที่ปรึกษาและเพื่อนเสมอว่า เนื่องจาก ดร.อัมเบดการ์ เป็นผลผลิตของพระพุทธเจ้าและเป็นคนของโลก โต้งจะตั้งใจทำงานนี้ให้ดีที่สุด และทรงคุณค่ามากที่สุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ ด้วยเหตุนี้ โต้งจึงมากินนอนที่มหาวิทยาลัยบ่อยมากขึ้นเพื่อทำให้สารนิพนธ์นี้สมบูรณ์ตามที่วาดหวังไว้
24 กุมภาพันธ์ 2559 โต้งสอบป้องกันสารนิพนธ์เสร็จแล้ว จึงได้เพียรพยายามแก้ไขตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ จนล่วงเลยถึง 12 มีนาคม 2559 แม้ว่าคณะกรรมการทุกท่านจะเซ็นอนุมัติว่ามีคุณสมบัติครบทุกประการสำหรับการเป็นมหาบัณฑิต แต่ตัวของโต้งเองกลับมองว่า อยากจะแก้ไขและปรับปรุงเนื้อหาบางส่วนเพิ่มเติมให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น และนั่นจึงเป็นเหตุผลให้โต้งเดินทางกลับมาที่มหาจุฬาฯ วังน้อย เพื่อรับเอกสารบางส่วนกลับไปแก้ไขในเวลา 22.00 น. ของคืนวันที่ 12 มีนาคม 2559
13 มีนาคม 2559 ซึ่งเป็นวันเกิดของโต้ง และถือว่าเป็นสิริมงคลสำหรับชีวิตที่จะได้นำเอกสารสารนิพนธ์ฉบับสมบูรณ์มาส่งที่สำนักงานหลักสูตรปริญญาโท สาขาสันติศึกษา และจะได้ประกาศให้โลกรู้ว่า โต้งกำลังจะเป็นมหาบัณฑิต และเข้ารับปริญญาโท ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 อีกราว 1 เดือนข้างหน้า
ในขณะที่โต้งขับรถเก๋งมาถึงทางโค้งก่อนเข้าประตูมหาวิทยาลัยประมาณ 500 เมตร ได้เกิดอุบัติเหตุโดยมีรถเบนซ์วิ่งมาด้วยความเร็วชนด้านท้ายของรถ จนทำให้รถคว่ำหลายตลบจนหมดสติภายในรถ และเมื่อถังแก๊สระเบิดจึงทำร่างถูกเผาไหม้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำเกิดความอัศจรรย์สำหรับคนทั่วไปที่พบเห็นคือ ในขณะที่รถเก๋งที่ถูกชนพลิกคว่ำหลายตลบนั้น เอกสารจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการขอจบการศึกษาได้กระเด็นและปลิวออกมาจากตัวรถโดยมิได้ถูกเผาไหม้ไปกับร่างของโต้ง สิ่งนี้ได้สะท้อนว่า แม้ว่าร่างกายจะถูกเผาไหม้ แต่ตัวธรรมะที่เป็นประดุจชีวิตและเลือดเนื้อที่ผ่านการเขียนจากหัวใจนั้น ไฟมิอาจเผาไปพร้อมกับร่างของโต้งได้ ด้วยเหตุนี้โต้งจึงได้ทิ้งมรดกธรรมที่เป็น "ธรรมเจดีย์" เอาไว้ให้โลกได้ศึกษา เรียนรู้จดจำและนำไปปฏิบัติต่อไป จนกลายเป็นคำเล่าขานว่า "โต้งเสียชีวิต แต่ไม่เสียสันติธรรม"
จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นประจักษ์ชัดว่า โต้งได้ตายในหน้าที่ หน้าที่ของนิสิตที่มุ่งจะเป็นวิศวกรสันติภาพตามแนวทางของ ดร.อัมเบดการ์ เป็นที่น่าเสียดายว่า ภายหลัง ดร.อัมเบดการ์ประกาศตัวแสดงตนได้เพียง 3 เดือนก็เสียชีวิต ทั้งที่ความฝันยังไม่บรรลุผลตามที่ตั้งใจ ในขณะที่โต้งกำลังจะเข้ามาส่งสารนิพนธ์จที่สมบูรณ์และรับปริญญาโทในเดือนพฤษภาคม แต่ความฝันก็ยังไม่บรรลุผลดังที่มุ่งมั่น แต่สิ่งสำคัญที่ทั้งสองได้ฝากเอาไว้ คือ "ธรรมเจดีย์" ซึ่งถือเป็นมรดกธรรมให้อนุชนรุ่งหลังได้สานต่อไปตราบนานเท่านาน
แม้โต้งจะมิอาจรับ "ปริญญานอก" ได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่เขาก็ได้รับ "ปริญญาใน" ที่ผ่านการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นระยะเวลา 30 วันตามเกณฑ์ของมหาวิทยาลัย และปริญญาในนี่เองจะทำหน้าที่เป็นสะพานให้โต้งทอดเดินไปสู่สุคติในสัมปรายภพได้อย่างเต็มภาคภูมิ แม้วันนี้จะไม่มีร่างกายโต้งอยู่เคียงข้างกับเรา แต่คุณงามความดีของโต้งจะยังคงอยู่ในใจเราเพื่อให้เราได้จดจำ และภาคภูมิใจในตัวของโต้งเสมอ ในฐานะที่เราเป็น "ครอบครัวสันติศึกษา" อยากจะบอกว่า "พวกเรารักและภาคภูมิใจสิ่งที่โต้งได้สร้างและมอบให้แก่โลกใบนี้ ลมหายใจแห่งสันติภาพของโต้งจะยังมีและคงอยู่กับโลกใบนี้ตลอดกาล" อีกทั้งพวกเราจะร่วมสานต่อเจตนารมณ์ของโต้งดังสันติปณิธานที่เราเคยภาวนาร่วมกันทุกเช้าก่อนเรียนในห้องสันติศึกษาว่า
"ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าขอบำเพ็ญสันติบารมี พัฒนาชีวีให้รู้ตื่นและเบิกบาน ร่วมประสานมนุษย์และสังคม ให้อุดมด้วยสันติสุข ในทุกลมหายใจ ตลอดไปเทอญฯ"
ขอสันติธรรมได้โปรดโอบอุ้มดวงจิตของโต้งให้ไปสู่สุคติภพในทิพยวิมาน และขอให้ลมหายใจแห่งสันติภาพได้โปรดบังเกิดมี และเจริญงอกงามในใจของมนุษยชาติสืบไปฯ ด้วยพลังแห่งสันติธรรม
ภาพและข้อมูลจาก JS100 Radio, เฟซบุ๊ก Hansa Dhammahaso
หน้าที่เข้าชม | 78,674 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 62,490 ครั้ง |